ทำไมชีวิตคุณจึงมีปัญหา? และพระเจ้าเป็นใคร? พระองค์ช่วยคุณได้อย่างไร ?
มนุษย์เราตั้งแต่เกิดจนตาย จะมีบางช่วงเวลาของชีวิตที่มีปัญหาและอุปสรรค ซึ่งอาจเป็นปัญหาเล็กๆหรือปัญหาใหญ่ที่รุนแรง เกินกำลังตัวเองที่จะฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคไปได้ อาจเป็นความเจ็บป่วยร้ายแรง หรือต้องทนทุกข์ทรมานกับการป่วยเรื้อรัง อาจเป็นปัญหาหนี้สินที่เกินความสามารถจะชดใช้คืนได้ และจะถูกยึดบ้านยึดรถหรือล้มละลาย อาจเป็นปัญหาการทะเลาะเบาะแว้งกันในครอบครัว ไม่มีสันติสุขและจะถึงขั้นหย่าร้าง อาจเป็นปัญหาตกงาน ปัญหาความขัดสนขาดรายได้สำหรับดูแลครอบครัว และต้องดิ้นรนทำงานหนักจนเคร่งเครียด อาจเป็นปัญหาการสนุกสนานเกินขอบเขตจนเสพติดสิ่งยั่วยุต่างๆและทำลายสุขภาพและเงินทองไปหมด อาจเป็นปัญหาลูกดื้อไม่เชื่อฟังจนถึงขั้นขู่ฆ่าพ่อแม่ ฯลฯ
.
เมื่อเรามาถึงทางตันของชีวิตที่ติดลบ บางคนพยายามต่อสู้ด้วยกำลังสติปัญญาและกำลังใจของตนเอง เพื่อหาทางหลุดพ้นจากความทุกข์ที่เกิดจากปัญหาทั้งหลายนั้น ซึ่งถ้าเป็นปัญหาของตัวเอง ก็ยังพอฝึกตัวเองและแก้ปัญหาของตัวเองได้บ้าง แต่ถ้าเป็นปัญหาของคนอื่นรอบตัวที่เรารักและเราต้องดูแลเขา เช่น ปัญหาเกิดกับพ่อแม่ของเรา คู่ครองของเรา ลูกของเรา ญาติพี่น้องเพื่อนสนิทของเรา แต่เพราะเรามีความจำกัดที่จะเข้าไปช่วยเขาได้ และอาจจำเป็นต้องปลง แม้เราจะรักเขาแต่ก็ช่วยเขาไม่ได้
.
พระคัมภีร์ไบเบิ้ลซึ่งรวบรวมถ้อยคำของพระเจ้าที่ตรัสผ่านมนุษย์ ได้บันทึกไว้ว่า ปัญหาความทุกข์ยากทั้งหลายของมนุษย์ ล้วนมีต้นเหตุมาจาก "ความบาป" พระเจ้าสร้างมนุษย์มาแต่แรกนั้น ไม่ได้มีพระประสงค์ให้มนุษย์ต้องเจอกับปัญหาความป่วยกายป่วยใจป่วยวิญญาณ พระองค์ต้องการให้มนุษย์อยู่อย่างสุขสบายในสวนเอเดน แต่เพราะความบาปของมนุษย์ คือการ "ไม่เชื่อฟังพระเจ้า" จึงส่งผลให้มนุษย์เสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า และต้องเจอกับอุปสรรคและปัญหามากมายในชีวิต
.
เนื่องจากความบาปได้ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าเสียไป เราจึงไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับพระเจ้าได้เหมือนสมัยที่ทรงสร้างโลกใหม่ๆ ไม่ว่าเราจะดิ้นรนพยายามฝึกตัวเองให้บริสุทธิ์ขนาดไหน เราก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะบริสุทธิ์สุดๆของพระเจ้าได้ เหมือนน้ำกับน้ำมันที่เข้ากันไม่ได้ แต่เพราะพระเจ้ารักเรา พระองค์จึงเป็นฝ่ายเข้ามาช่วยเรา ให้เราสามารถกลับคืนสู่ความสัมพันธ์ดั้งเดิมกับพระองค์ได้
.
หลายพันปีที่ผ่านมา พระองค์ได้ใช้วิธีตรัสผ่านมนุษย์บางคนที่ถูกเลือกเป็นพิเศษ ให้ถ่ายทอดถ้อยคำของพระองค์มาถึงมนุษย์ ซึ่งถ้อยคำเหล่านั้นถูกบันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เนื้อหาในพระคัมภีร์มีบันทึกไว้มากมายที่เป็นการเปิดเผยของพระเจ้า และทำให้เราได้รู้จักพระเจ้าว่า พระองค์ "เป็น" ใคร? พระองค์ "ทำอะไรได้บ้าง" ? และพระองค์มีแผนการดีเยี่ยมอะไรกับเราบ้าง ? ในการปลดปล่อยเราจากความทุกข์ยากลำบากของชีวิต และนำจิตวิญญาณเรามาใกล้ชิดสนิทสนมกับพระองค์เหมือนเดิมไปตลอดชั่วนิรันดร์
.
พระเจ้าตรัสบอกมนุษย์ด้วยตัวพระองค์เองในคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า พระองค์เป็นวิญญาณ (ยอห์น4:24) เราจึงมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น(ยอห์น1:18) พระองค์เป็นวิญญาณที่ยิ่งใหญ่มาก ใหญ่กว่าจักรวาล เพราะทรงสร้างจักรวาล ทรงอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในโบสถ์คริสต์ (กจ17:28) อย่างที่หลายคนเข้าใจผิด พระองค์มีสิทธิอำนาจสูงสุดในการพิพากษา ช่วยเหลือ และอวยพร (คส1:17,ฮบ.1:3)
.
พระเจ้าทรงสัพพัญญูรอบรู้ทุกสิ่ง รู้โดยไม่ต้องเรียน รู้ทุกรายละเอียด รู้อดีตและอนาคต (ฮบ4:13,มธ10:29-30) ทรงมีสติปัญญาเป็นเลิศ เฉลียวฉลาดและวินิจฉัยถูกต้องเสมอ (รม.:16-27,รม:11:33) และทรงเป็นความจริงแท้คือสัตย์ซื่อเที่ยงธรรม (ยรม.10:10-11) เปี่ยมด้วยความดีงาม (ลก:18:19) เป็นความเมตตา ทรงพระคุณและอดทนนานต่อ "ความไม่ร้ก" ที่เกิดจากความบาปทั้งหลายของเรา (อพย34:6,สดด103:8)
.
พระองค์มีฤทธิ์อำนาจเหนือธรรมชาติ เพราะพระองค์เป็นผู้สร้างธรรมชาติ! (ปฐมกาล1:3-9) พระองค์จึงสามารถห้ามไม่ให้ฝนตกหรือสั่งให้ฝนตกได้(ยก5:18) และสามารถห้ามลมพายุได้ (มาระโก4:35-40) พระองค์เป็นผู้สร้างพืช จึงสามารถสั่งให้ต้นไม้ออกผลหรือสาปให้ต้นมะเดื่อเป็นหมันได้ (มัทธิว 21:18-19) เปลี่ยนโมเลกุลของน้ำเปล่าให้กลายเป็นเหล้าองุ่นได้ (ยน 2:1–11) พระองค์เป็นผู้สร้างสัตว์ จึงสามารถเรียกปลามาให้เปโตรจับได้จนล้นเรือ (มัทธิว4:18-12) และสั่งลาให้พูดกับบาลาอัมได้ (กดว:22-24) พระองค์เป็นผู้สร้างแร่ธาตุทุกอย่างบนโลก จึงสามารถเรียกเงินและทองมาให้ฮักกัยสร้างวิหารได้ (ฮักกัย2:8) และพระองค์เป็นผู้สร้างมนุษย์ จึงสามารถรักษาโรคของมนุษย์ได้ทุกโรค (ยอห์น 4:43-54,ยอห์น 5:1-15) รักษาคนป่วยโรคจิตหรือถูกผีเข้า (กจ. 10:38) แม้กระทั่งชุบคนตายแล้ว 4 วันให้ฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ (ยอห์น 11:17-37)
.
พระลักษณะของพระเจ้าสะท้อนถึงอุปนิสัยของพระองค์ และอุปนิสัยที่โดดเด่นที่สุดของพระองค์คือ พระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความรักที่บริสุทธิ์ (1ยอห์น4:8,ยอห์น17:24;3:35) พระองค์รักเรามากถึงขั้นหวงแหน (2คร.11:2,อพย34:14) อยากให้เรามีความสัมพันธ์กับพระองค์ สัมผัสถึงการอยู่ด้วยของพระองค์ตลอดเวลาในชีวิตเรา ไม่ใช่เพราะพระองค์ขี้เหงา แต่เพราะธรรมชาติของพระองค์เต็มล้นด้วยความรักเรา เหมือนพ่อแม่ที่รักลูก มีความปราถนาดีต่อเราเสมอ (อฟ1:11,วว:4:11) อยากให้เราได้ดิบได้ดี (เยเรมีย์ 29:11)
.
แต่บางครั้งพระองค์ก็ทรงตีสอนคนที่พระองค์ทรงรักด้วย (ฮบ12:5–11)การตีสอนก็คือการลงวินัยเพื่อขัดเกลานิสัยและทัศนคติของเรา ให้เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการทำด้วยความรัก ไม่ใช่เป็นการพิพากษาลงโทษด้วยความเกลียด ใครได้สัมผัสถึงพระคุณความรักที่บริสุทธิ์และไม่มีเงื่อนไขใดๆของพระเจ้าแล้ว คนนั้นจะอดรักพระเจ้าไม่ได้เลย และอยากใช้เวลาพัฒนาความสัมพันธ์กับพระองค์มากขึ้นโดยอัตโนมัติ
.
พระเจ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือพลังจักรวาลอย่างที่หลายคนเข้าใจผิด ไม่ใช่ทฤษฎีต่างๆที่มนุษย์คิดขึ้นเอง แต่พระองค์เปิดเผยพระองค์เองด้วยถ้อยคำของพระองค์ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พระองค์มีอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด และมีแผนการ มีพระประสงค์ มีปฎิสัมพันธ์พูดคุยกับมนุษย์บางคนได้ (คนที่ใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้ามากๆ) จึงแสดงว่าพระเจ้าไม่ใช่พลังงานหรือไม่ใช่นามธรรมหรือกฎธรรมชาติ พระองค์มีสภาพเป็นบุคคล เพียงแต่ไม่มีร่างกายให้เรามองเห็นจับต้องได้ และอยู่ในมิติของวิญญาณ
.
วันนี้ผมเล่ามายาวมาก เพื่อจะบอกว่า ถ้าคุณลองกล้าๆเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าตรัสไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เหมือนประชากรโลก 3000 ล้่านคนที่กำลังเชื่ออยู่ คุณจะได้เห็นว่าพระเจ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ พระเจ้ามีอุปนิสัยอีกอย่างตามที่เปิดเผยในพระคัมภีร์คือ พระองค์อยากให้เราเชื่อวางใจในพระองค์ก่อน และพระองค์จะทำอะไรๆก็ต่อเมื่อเราเชื่อในพระองค์ แต่จะไม่ทำอะไรเลยถ้าเราไม่เชื่อไม่ศรัทธาใน พระองค์ หรือเชื่อแบบครึ่งๆกลางๆลังเลสงสัย ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลดังนี้
.
(มก:1123-24) เหตุฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า ขณะเมื่อท่านจะอธิษฐานพระเจ้าขอสิ่งใด จงเชื่อว่าได้รับ และท่านจะได้รับสิ่งนั้น
.
(มธ:21:22) สิ่งสารพัด ซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้
.
(ยก 1:6-7) แต่จงให้ผู้นั้นทูลขอ ด้วยความเชื่อ อย่าสงสัยเลย เพราะว่าผู้ที่สงสัยเป็นเหมือนคลื่นในทะเล ซึ่งถูกลมพัดซัดไปมา ผู้นั้นจงอย่าคิดว่า จะได้รับสิ่งใดจากพระเจ้าเลย
.
(ฮีบรู11:6) แต่ถ้าไม่มีความเชื่อแล้ว จะเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ก็ไม่ได้เลย เพราะว่าผู้ที่จะมาหาพระเจ้าได้นั้นต้องเชื่อว่าพระองค์ทรงดำรงพระชนม์อยู่ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานบำเหน็จให้แก่ทุกคนที่ปลงใจแสวงหาพระองค์
.
อย่างไรก็ตาม แม้คุณจะมีความเชื่อในพระคุณความรักของพระเจ้า เชื่อในฤทธิอำนาจของพระเจ้า ที่จะช่วยแก้อุปสรรคปัญหาใหญ่หลวงเกินกำลังของคุณได้ แต่เนื่องจากมีบางอย่างกั้นระหว่างคุณกับพระเจ้าอยู่ และสิ่งที่กั้นนั้นทำให้คุณไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าได้ ผมจะเล่าต่อในวันถัดไปว่า สิ่งที่กั้นระหว่างคุณกับพระเจ้านั้นคืออะไร? พระเจ้าได้ให้วิธีที่จะจัดการนำมันออกไปให้กับคุณแล้วอย่างไร ? เพื่อคุณจะติดต่อสื่อสารกับพระองค์ที่รักคุณที่สุดได้ และต้อนรับพระองค์เข้ามามีส่วนในชีวิตคุณ เพื่อช่วยเหลือคุณในทุกๆปัญหาหรืออุปสรรคของชีวิตได้อย่างไร ? โปรดติดต่ออ่านตอนต่อไปนะครับ
.
ขอพระเจ้าอวยพร
ดุสิต
สอบถามส่วนตัวได้ที่ Line : masterlek
.
#พระเจ้า #พระเยซู #พระวิญญาณบริสุทธิ์ #ความบาป #ความเชื่อในพระเจ้า #พระเจ้าเป็นใคร? #พระเจ้ารักคุณ